กลุ่มชาติพันธุ์โอรังอัสลีและงานแม่และเด็ก
"กลุ่มชาติพันธุ์โอรังอัสลีและงานแม่และเด็ก"
วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ กขป.เขต ๑๒ ร่วมกับสปสช.เขต ๑๒ ลงเยี่ยมทีมสาธารณสุขของคุณประเวศ หมีดเส็น ศบ.สต. เพื่อหารือความร่วมมือ โดยมีทีมงานศอ.บต.(กปค.) ศบ.สต. สปสช.เขต ๑๒ และทีมกขป.เขต ๑๒ จำนวน ๒๐ ชีวิตร่วมประชุม ณ สำนักงานศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนใต้
๑)ทำความรู้จักศอ.บต. โครงสร้าง และทิศทางในปัจจุบันที่มุ่งเน้นมาสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่มากขึ้น เพื่อลดเงื่อนไขอันเกิดจากข้ออ้างของผู้ก่อการไม่สงบที่หยิบยกปัญหาด้านเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของผู้คนในการชักชวนเข้าร่วมกับกองกำลัง
๒)ภารกิจใหม่ของคุณประเวศ หมีดเส็น ได้ดูแลงานของ กองประสานงานโครงการอันเนื่องจากพระราชดำริและกิจการพิเศษ (กปค.) ที่มี ๓ กลุ่มงาน รับผิดชอบงานส่งเสริมพหุวัฒนธรรม มีงานวิจัยร่วมกับวช. (สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ) ชวนสถาบันการศึกษาในพื้นที่มาร่วมงานวิจัย ชี้เป้าการวิจัย และติดตามงานวิจัย ซึ่งมีงานที่สำคัญคือ การศึกษาสถานการณ์ปัญหาของกลุ่มโอรังอัสลี และร่วมแก้ปัญหา ซึ่งได้มีการจัดสรรที่ดินของนิคมสร้างตนเองอำเภอเบตงเป็นที่อยู่ชั่วคราวและที่ดินเกษตรกรรม(ปัจจุบันรอหนังสืออนุมัติ) กำหนดขอบเขต สนับสนุนการเข้าถึงบริการของรัฐ ออกใบรับรองยืนยันสถานะเพื่อยืนยันตัวตนชั่วคราว
ข้อมูลพื้นฐาน กลุ่มมานิและโอรังอัสลีในพื้นที่เขต ๑๒ มีจำนวน ๘๑๒ คน คาดว่าเป็นกลุ่มโอรังอัสลี จำนวน ๓๑๙ คน ในจำนวนนี้แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม ได้แก่ ๑.กลุ่มที่อยู่พื้นราบราว ๕๐คน ต.อัยเยอร์เวง ต.เบตง จ.ยะลา(พร้อมทำบัตรประชาชน)จากทั้งหมด๑๘๐ คน ๒.กลุ่มอาศัยไม่เป็นที่อยู่ที่ราบบ้างอยู่ในป่าบ้าง และ๓.เป็นกลุ่มที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ทางศอ.บต.ต้องการดูแลในกลุ่ม ๑
ทางสปสช.เขต ๑๒ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็น ๒ ทาง กล่าวคือ ๑.หากกลุ่มชาติพันธุ์ได้ ID จะทำให้สปสช.สามารถอนุมัติงบเหมาจ่ายรายหัวให้กับรพ.ได้ทันที แต่ก็ประสบเหตุกลุ่มมานิมีการเดินทางเร่ร่อนไม่เป็นที่ จึงได้ออกนโยบายให้มานิสามารถเข้าใช้บริการได้ทุกที่ และกรณีที่ ๒ ได้จัดสรรงบปรับเกลี่ยเพื่อช่วยลดภาระของโรงพยาบาลที่ให้ความช่วยเหลือดูแลกลุ่มชาติพันธุ์ในกรณีที่ไม่มีบัตรประชาชนโดยดูผลงานให้บริการย้อนหลัง ๕ ปี จัดสรรงบปรับเกลี่ยให้
ข้อสรุปการแก้ปัญหา ๑.ทั้งศอ.บต.และสป.สช.เขต ๑๒ สื่อสารไปยังรพ. รพ.สต.และกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ให้เข้าใจแนวทางการใช้งบปรับเกลี่ยของสปสช.เขต ๑๒ ให้กลุ่มโอรังอัสลีสามารถเข้าถึงระบบบริการ และเสนอให้ทางศอ.บต.ผลักดันเชิงนโยบายกับมหาดไทยในการออกระเบียบในการทำบัตรประชาชนกรณีเทือกเขาสันกาลาคีรี โดยประสานทีมอ.ธรรมศาสตร์มาร่วมทำจีโนแกรมพิสูจน์ความเป็นคนไทย
๒.ประสานเครือข่ายในแต่ละพื้นที่(อาจเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ รพ.สต. ผญ.ฯลฯ) ที่สามารถเป็นผู้นำลงสำรวจข้อมูลจัดทำผังเครือญาติ พิสูจน์หาต้นตอของตระกูล ค้นให้ได้มาซึ่งแกนนำที่โอรังอัสลีที่ไว้ใจ เพื่อประสานการแก้ปัญหา โดยศอ.บต.สามารถเรียนรู้ประสบการณ์จากตำบลละงู ทีมงานรพ.ละงู
๓.ร่วมกันแก้ปัญหาผูกพันในฐานะเป็นคนไทยหลังจากได้บัตรประชาชน เช่น การเกณฑ์ทหาร สำรวจโอรังอัสลีกรณีได้รับสัญชาติมาเลเซีย กลายเป็นคน ๒ สัญชาติ ในการแก้ปัญหาควรอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมของโอรังอัสลีให้มากที่สุด กรณีมีบัตรประชาชนขึ้นต้นด้วยเลข 0 สามารถเข้าใช้สิทธิ์ผ่านงานสังคมสงเคราะห์อีกกองทุนหนึ่ง
๓)งานแม่และเด็ก ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ความสำคัญกับสาเหตุการตายที่มาจากความไม่พร้อมของระบบบริการ ซึ่งได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น แต่ก็มีกลุ่มเสี่ยงอันเกิดจากภาวะครรภ์เป็นพิษหรือความชำนาญของผู้ทำคลอดที่ควรเพิ่มการทำคลอดด้วยสูตินรีที่เชี่ยวชาญ ประกอบกับมีมิติด้านเศรษฐกิจทำให้กลุ่มเป้าหมายไม่สามารถมาหาหมอได้ และปัญหาปลายน้ำ การดูแลหลังคลอดไม่ดี
๑.จากการประชุมราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย พบปัญหาภาวะครรภ์เป็นพิษเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กรณีนี้ควรรณรงค์ให้มารดาลดหวานมันเค็มอันเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต รวมถึงแก้ปัญหามาเข้าระบบฝากครรภ์ช้า ในส่วนระบบบริการทำครบกระบวนแล้วแต่พบจุดอ่อนในฟากของผู้มารับบริการ ยังต้องส่งเสริมสร้างความรอบรู้ มีข้อเสนอแนะให้ความรู้เรื่อง อนามัยเจริญพันธ์แก่ผู้นำศาสนา ครูอนามัย ครูโรงเรียน หมอตำแย หรือให้มีการตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานโดยกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการผ่านงบของสปสช.
๒.กลุ่มเป้าหมายที่ควรพิจารณาให้ความสำคัญ จากการทำงานพบว่า ในจำนวน ๑๐๐% มี๓๐%มาเข้าระบบโดยตัวเอง อีก ๖๐% หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องออกแรงรณรงค์ กระตุ้น และกลุ่มที่มีปัญหาที่สุดก็คือ กลุ่ม ๑๐% ที่เป็นกลุ่มเดินทางไปมาระหว่างไทยและมาเลเซีย มีความเชื่อทางศาสนาสูง อาศัยอยู่ในพื้นที่ความมั่นคงสีแดงจัด(ไม่ต้องการให้มาเข้าระบบบริการของทางการไทย) ที่ใช้ความพยายามในการแก้ปัญหามากๆ ทุกหน่วยงานควรให้ความใส่ใจในส่วน ๑๐% ดังกล่าว ทั้งในส่วนองค์กรภาคประชาชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศอ.บต.จะทำหลักสูตรครุซุสแบบเข้มข้นกับคณะกรรมการอิสลามมากขึ้น ให้มีครู ก.ประจำอำเภอ
ชาคริต โภชะเรือง เลขานุการ กขป. รายงาน
Relate topics
- ประชุมอนุกรรมการและภาคีเครือข่ายประเด็นเกษตรและอาหารเพื่อสุขภาพ กขป.เขต12
- ประชุมอนุกรรมการและภาคีเครือข่ายประเด็นสุขภาวะกลุ่มเปราะบางทางสังคม กขป.เขต12
- แผนงานร่วมทุนสนับสนุนการสร้างสุขภาวะในพื้นที่จังหวัดสงขลาเปิดรับข้อเสนอโครงการประเด็นยาเสพติดในชุมชนและประเด็นสุขภาพจิตในสถานศึกษา
- อบจ.สงขลาหนุนเสริมการจัดอบรมหลักสูตรผู้ตรวจแปลงมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม SDGsPGS ครั้งที่ 3/2567
- เวทีติดตามการขับเคลื่อนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตและที่อยู่อาศัย ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี
- งานติดตามประเมินภายนอกการดำเนินงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง
- "เครือข่ายหน่วยจัดการ สสส. 38 จังหวัด รับฟังชี้แจง แลกเปลี่ยนแนวทางการสนับสนุนโครงการ NODE สำนัก 6 สสส. ระดับจังหวัด (สำหรับขนาดเล็กปี 2567)
- "ประชุมอนุกรรมการและภาคีเครือข่ายประเด็นสุขภาวะแม่และเด็ก กขป.เขต 12"
- "ประชุมอนุกรรมการและภาคีเครือข่ายประเด็นบุหรี่และปัจจัยเสี่ยง กขป.เขต12"
- "พัฒนาศักยภาพทีมพี่เลี้ยงและทีมการเงิน" สงขลา