ปฏิรูประบบสุขภาพปฐมภูมิ จุดเปลี่ยนด้านสาธารณสุขครั้งสำคัญของประเทศไทย เพื่อประชาชนสุขภาพดี
“ ปฏิรูประบบสุขภาพปฐมภูมิ จุดเปลี่ยนด้านสาธารณสุขครั้งสำคัญของประเทศไทย เพื่อประชาชนสุขภาพดี”
เขียนโดย นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ
วันนี้ได้ร่วมเดินหน้า บริหารจัดการและพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ ในฐานะกรรมการและเลขานุการ “คณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิ พรบ. ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562”
-ระบบการดูแลสุขภาพปฐมภูมิหรือ primary care เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูประบบบริการสุขภาพเพื่อสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
-ด้วยหลักการ การใช้ชุมชนเป็นฐาน (Community-based) การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic care) การดูแลที่ต่อเนื่องและผสมผสาน (Integrated and Continuity of Care) รวมทั้งการทำงานเชิงรุก
-ระบบที่จัดบริการสุขภาพในระดับที่เป็นด่านแรกของระบบบริการสาธารณสุข ทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลสุขภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่องร่วมกับประชาชน โดยประยุกต์ความรู้ทั้งทางด้านการแพทย์ จิตวิทยา และสังคมศาสตร์ในลักษณะผสมผสานการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาโรค และการฟื้นฟูสภาพได้อย่างต่อเนื่องด้วยแนวคิดแบบองค์รวมให้แก่บุคคล ครอบครัว และชุมชน โดยมีระบบการส่งต่อและเชื่อมโยงกับโรงพยาบาลได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งประสานกับองค์กรชุมชนในท้องถิ่นเพื่อพัฒนาความรู้ของประชาชนในการดูแลส่งเสริมสุขภาพของตน และสามารถดูแลตนเองเมื่อเจ็บป่วยได้อย่างสมดุล”
-ลักษณะเด่นของการดูแลสุขภาพปฐมภูมิ ได้แก่
1)เน้นการดูแลแบบองค์รวม คือ ใส่ใจกับชีวิตและความสุขความทุกข์ของคน มากกว่าการดูแลแบบแยกปัญหาสุขภาพออกจากชีวิตของคน หรือมองปัญหาเฉพาะที่อวัยวะเป็นส่วนๆ
2)เน้นการทำงานเชิงรุก คือ มุ่งป้องกันและแก้ไขปัญหาตั้งแต่แรกเริ่มมากกว่ารอให้เกิดโรค ความเจ็บป่วยหรือความทุกข์ลุกลามแล้วค่อยหาทางแก้ไข
3)เน้นการผสมผสานงานส่งเสริม/ป้องกัน/รักษา/ฟื้นฟู ควบคู่กระบวนการทำงานร่วมกับองค์กรและกลไกต่างๆ ในพื้นที่
4)เน้นการดูแลต่อเนื่องตลอดชีวิต มากกว่าเน้นการรักษาเป็นครั้งๆ โดยให้ความสำคัญกับประสบการณ์ด้านสุขภาพตลอดอายุขัยของบุคคลที่ส่งผลต่อชีวิตและการดูแลรักษาความเจ็บป่วยของเขา
5)ทำงานเชื่อมโยงหลายระดับ ทั้งระดับบุคคล/ครอบครัว/ชุมชน เพราะปัญหาแต่ละระดับส่งผลถึงกัน การแก้ปัญหาจึงต้องดำเนินควบคู่กันไปทุกระดับ
6)ทำงานเชื่อมโยงหลายมิติทั้งด้านกาย/ใจ/สังคม/จิตวิญญาณ เพื่อให้ทุกมิติเกื้อกูลส่งเสริมกันจนเกิดสุขภาวะได้อย่างมีดุลยภาพ
7)ทำงานเชื่อมโยงกับบริการทางการแพทย์หลายระดับ โดยช่วยเอื้ออำนวยและประสานให้ผู้ป่วยใช้บริการทางการแพทย์ระดับอื่นๆ ได้อย่างสะดวกราบรื่น
8)ใช้ระบบการแพทย์ที่หลากหลายในชุมชน ทั้งการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และวิถีสุขภาพทางเลือกอื่นๆ มาผสมผสานเพื่อให้เป็นประโยชน์เกื้อกูลต่อสุขภาพ
9)เน้นการเสริมสร้างระบบสุขภาพชุมชนให้เข้มแข็งและพึ่งตนเองได้
การดูแลสุขภาพปฐมภูมินั้นเป็นศิลปะชั้นสูงของการดูแลรักษาสุขภาพ เพราะต้องผสมผสานทั้งศาสตร์ทางการแพทย์เข้ากับความรู้ทางสังคมและศิลปะการเข้าใจมนุษย์ เป็นงานที่ต้องใส่ใจสุขภาพในหลายมิติ ทั้งทางกาย ใจ สังคม และมิติทางจิตวิญญาณ
-การดูแลสุขภาพปฐมภูมิมีศักยภาพและเอกลักษณ์ที่เป็นจุดแข็งของตนเอง เพราะแม้จะไม่มีเทคโนโลยีทางการแพทย์ชั้นสูงเทียบเท่ากับโรงพยาบาลใหญ่ๆ และไม่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง แต่สิ่งที่การดูแลสุขภาพปฐมภูมิมีมากกว่าการบริการระดับอื่น ก็คือ
“บริการที่เป็นมิตร ใกล้ชิดและเข้าใจชุมชน สามารถทำงานร่วมกับครอบครัวและชุมชน เพื่อสร้างสุขภาพและแก้ไขปัญหาการเจ็บป่วยที่ซับซ้อนได้ ด้วยความรู้ทางการแพทย์ที่ผสมผสานกับความเข้าใจทางสังคมและความใส่ใจในความเป็นมนุษย์ “
เรียนเชิญทุกท่าน มาร่วมเดินหน้า บริหารจัดการและพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ เพื่อสุขภาพที่ดีของพี่น้องประชาชน ครับ
Relate topics
- การจัดแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาวะให้กลุ่มชาวเลอูรักลาโว้ยจากเกาะจำ เกาะลันตา เกาะพีพี จ.กระบี่
- เครือข่ายองค์กรผู้บริโภคภาคใต้ 7 จังหวัดร่วมสรุปบทเรียนการทำงานการดำเนินงานโครงการร่วมทุนการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะระดับประเทศ
- เวทีประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนติดตามนโยบายสวัสดิการเด็กถ้วนหน้าเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี (ภาคใต้)
- ชุมชนเด็กนักอ่านพลังอาสาสร้างสรรค์ พี่ใจดีมีกิจกรรมพัฒนาทักษะการอ่านเขียน ฝึกฝนจินตนาการ เปิดโลกเรียนรู้ที่ชุมชนบ้านบาโงยซิแน จังหวัดยะลา
- กิจกรรม “ทักษะการร้อยลูกปัดมโนราห์ ครั้งที่ 1” ภายใต้งานวิจัยโครงการ Eat Pray Love พื้นที่สงขลา
- เวทีพัฒนาศักยภาพทีมสนับสนุนวิชาการพัฒนาโครงการฯเศรษฐกิจฐานรากกลุ่มเปราะบางพื้นที่ 6 จังหวัดใต้ล่าง
- เทศบาลนครสงขลาประสานทำแผนรองรับสังคมสูงวัย
- เวทีสรุปบทเรียนงานที่อยู่อาศัยจังหวัดสงขลา
- สรุปบทเรียนและวิเคราะห์รูปแบบการจัดการเครือข่ายสุขภาวะชุมชนโดยคณะกรรมการพัฒนาตำบล
- เวที “สานพลังคนเมืองหาดใหญ่ พัฒนานครหาดใหญ่เมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน”