ทบทวนเพื่อก้าวต่อ "ธรรมนูญพื้นที่ภาคใต้"

  • photo  , 1000x563 pixel , 121,757 bytes.
  • photo  , 1567x1045 pixel , 160,817 bytes.
  • photo  , 1000x750 pixel , 160,979 bytes.
  • photo  , 1000x750 pixel , 164,179 bytes.
  • photo  , 1000x750 pixel , 128,669 bytes.
  • photo  , 1000x750 pixel , 156,685 bytes.
  • photo  , 1000x750 pixel , 189,766 bytes.
  • photo  , 1000x750 pixel , 138,064 bytes.
  • photo  , 1000x667 pixel , 188,102 bytes.
  • photo  , 1000x1500 pixel , 355,783 bytes.
  • photo  , 960x1280 pixel , 273,905 bytes.
  • photo  , 1000x667 pixel , 161,346 bytes.
  • photo  , 1000x1333 pixel , 146,965 bytes.
  • photo  , 1045x1567 pixel , 123,831 bytes.
  • photo  , 1000x750 pixel , 98,093 bytes.
  • photo  , 1000x750 pixel , 77,024 bytes.
  • photo  , 1000x1333 pixel , 141,653 bytes.
  • photo  , 1000x1309 pixel , 156,852 bytes.
  • photo  , 1045x1567 pixel , 168,171 bytes.
  • photo  , 1000x1333 pixel , 198,233 bytes.
  • photo  , 1000x1333 pixel , 126,858 bytes.
  • photo  , 1567x1045 pixel , 190,544 bytes.
  • photo  , 1000x667 pixel , 151,586 bytes.
  • photo  , 1000x750 pixel , 186,018 bytes.
  • photo  , 1000x563 pixel , 125,049 bytes.
  • photo  , 1567x1045 pixel , 158,728 bytes.
  • photo  , 1045x1567 pixel , 158,944 bytes.
  • photo  , 1567x1045 pixel , 118,398 bytes.
  • photo  , 1045x1567 pixel , 171,806 bytes.
  • photo  , 1045x1567 pixel , 189,954 bytes.
  • photo  , 1567x1045 pixel , 182,989 bytes.
  • photo  , 1567x1045 pixel , 106,387 bytes.
  • photo  , 1567x1045 pixel , 155,869 bytes.
  • photo  , 1000x563 pixel , 115,109 bytes.
  • photo  , 1000x563 pixel , 105,870 bytes.
  • photo  , 1000x563 pixel , 115,273 bytes.
  • photo  , 1000x563 pixel , 109,750 bytes.
  • photo  , 1000x562 pixel , 122,002 bytes.
  • photo  , 1000x750 pixel , 108,764 bytes.
  • photo  , 1000x562 pixel , 170,556 bytes.
  • photo  , 1000x1333 pixel , 201,065 bytes.

ทบทวนเพื่อก้าวต่อ "ธรรมนูญพื้นที่ภาคใต้"

(1)

เผลอแปปเดียว 15 ปีแล้ว (2551-2566)  จากธรรมนูญสุขภาพตำบลชะแล้ที่ก่อเกิดเป็นที่แรกของประเทศ กับการขยายผลธรรมนูญพื้นที่ภาคใต้ในปัจจุบัน

วันที่ 1-2 กันยายน 2566  จังหวะเวลาลงตัวให้พื้นที่ปฏิบัติการทำธรรมนูญตั้งแต่พื้นที่แรก ได้แก่"ธรรมนูญสุขภาพตำบลชะแล้" จ.สงขลา  รุ่นขยายผลที่เป็นอีกหนึ่งพื้นที่เรียนรู้สำคัญ  "ชันชีนาทอน" จากสตูล และอีกหลากหลายพื้นที่ในภาคใต้ตั้งแต่สุราษฎร์ธานี กระบี่ ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี และยะลา รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช) ได้มาเจอกันในเวทีนี้ได้ชวนกันทบทวนเรียนรู้ร่วมกัน

หลังจากชวน check in ตัวเองแล้วด้วยกราฟใยแมงมุมแล้วก็ต่อด้วยการชวนทบทวนเส้นทางการทำธรรมนูญพื้นที่ตนเอง ที่มา คนสำคัญ หมวดหมู่สำคัญในธรรมนูญ และประเด็นที่นำไปขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นจริง ให้เวลาได้ทบทวนประมาณ 15 นาที

ต่อจากนั้นเป็นการชวนกันให้เล่าเรื่องราวธรรมนูญของแต่ละพื้นที่ ในประเด็น 1.เป้าหมายในการแก้ปัญญา 2.กระบวนการขับเคลื่อน 3.ปัญหาอุปสรรค

กลุ่มของผมในประเด็นรองรับสังคมสูงวัย มีทั้งจากต.บาโงย จ.ยะลา ต.เขาพัง จ.สุราษฏร์ธานี ต.เกาะสุกร และต.ท่าพญา จาก จ.ตรัง กลุ่มย่อยนี้ชวนกันได้เล่าเรื่องสำหรับโจทย์ในการแลกเปลี่ยนธรรมนูญพื้นที่ ได้แก่

1)เป้าหมายในการแก้ปัญหา

2)กระบวนการขับเคลื่อน

3)ปัญหาอุปสรรค

ผลการพูดคุยจะถูกให้นำเสนอในเช้าวันพรุ่งนี้  ก่อนแยกย้ายกลับที่พักก่อนรับฟังเรื่องราวการสร้างข้อตกลงจัดการทรัพยากรที่บ้านช่องฟืน

(2)

ชมทะเลหน้าบ้านช่องฟืน

หลังจากเมื่อวานเรามีโอกาสฟังพี่แดง สุภาภรณ์ พรรณราย  แกนนำชุมชนบ้านช่องฟืน พี่เสณี เสณี จ่าวิสูตร  พี่ฉิ้ม เบญจวรรณ เพ็งหนู พี่เลี้ยงจังหวัดเล่าเรื่องราวการจัดการทรัพยากร การกำหนดกติกาจัดการทะเลหน้าบ้าน

เช้านี้แม้อากาศจะไม่เป็นใจมากนัก แต่ทีมพวกเรา 20 กว่าคนที่อยากล่องทะเลสาบก็มาพร้อมกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้านเพื่อชมทะเลบ้านช่องฟืน เรือ 4 ลำเตรียมไว้แล้ว  Let's go ลงเรือ ชมทะเลสาบ และแวะเยือนเกาะกระ


(3)

ชมทะเลหน้าบ้านช่องฟืน กับโอกาสไปต่อการท่องเที่ยวโดยชุมชน

พวกเรานั่งเรือจากท่าที่บ้านผู้ใหญ่เพื่อไปชมความงามทะเลหน้าบ้านของชาวช่องฟืน

ด้วยข้อจำกัดเรื่องดินฟ้าอากาศกับเวลาตอนเช้าก่อนประชุมทางเจ้าบ้านจัดโปรแกรมท่องเที่ยวชุมชนให้เราไปชมเกาะกระ ในทะเลสาบสงขลาที่อยู่ไม่ไกลจากฝั่ง  กับชมเขตพื้นที่เขตปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เขตห้ามล่อล้อมกระทุ้งน้ำ กติกาของชุมชนในการจัดการทะเลหน้าบ้าน

เกาะกระ เกาะเล็ก ๆ ที่เราสามารถเดินได้รอบเกาะในเวลาประมาณเพียงครึ่งชั่วโมง มีธรรมชาติที่แปลกตาหลายจุด ผสมผสานกับการสร้างสิ่งก่อสร้างรูปเคารพ

เพียงเดินขึ้นจากท่าเรือเราก็พบกับสระกระจก บ่อน้ำใสที่สะท้อนหินงอกหินย้อย  เดินต่อมาไปทางทิศตะวันออกก็มีจุดเถาวัลย์โบราณ เถาวัลย์ที่บ่งบอกอายุว่าอยู่หลายชั่วอายุคน ต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทอง ประตูข้ามกาลเวลา รอบเกาะมีจุดที่มีรูปเคารพที่หลากหลายส่วนใหญ่สไตล์จีน มีรูปปั้นนักษัตร มีรูปหลวงพ่อทวด พระพุทธรูป  ตั้งกระจายไปตามจุดต่าง ๆ  เราพบหินสีแปลกตาอยู่หลายจุดทีเดียว

ผู้ใหญ่บ้านเล่าว่าในอดีตชาวบ้านจะมาที่เกาะกระก็มีนำหินไปเผาใช้เป็นส่วนผสมในการก่อสร้าง นอกจากนี้ก็มีมาเอาขี้ค้างคาว สำหรับการก่อสร้างที่มีลักษณะออกสไตล์จีน มีการจัดวางรูปเคารพที่ชาวจีนนับถือ เพราะมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้ามาพัฒนาพื้นที่เกาะ และมีกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักเป็นจีนจากมาเลเซียและสิงค์โปร์ สิ่งก่อสร้างที่ทรุดโทรมไปบ้างก็จากเหตุการณ์ระบาดของโควิด

ทีมเราหยุดเก็บภาพกันหลายจุด ด้วยท่านผู้ใหญ่บ้านนอกจากเป็นคนนำเที่ยวคอยเล่าเรื่องแล้ว ยังช่วยแนะนำจุดถ่ายภาพและเป็นตากล้องให้ด้วย

เชื่อเหลือเกินว่าความลงตัวของสภาพเกาะที่ไม่กว้างใช้เวลาไม่นาน มีความสวยงามแปลกตาของธรรมชาติหลายจุด ถ้ามีการมาปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ภายใต้ความเข้าใจเรื่องอารยสถาปัตย์เพิ่มมากขึ้นจะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้เกาะกระเพิ่มขึ้นและเป็นอีกหมุดหมายการท่องเที่ยวสำคัญทะเลสาบสงขลา เชื่อมโยงอยู่ในเส้นทางการท่องเที่ยวชุมชนแน่นอน

ฟ้าส่งสัญญาณครึ้มมาแต่ทิศตะวันตก ท่านผู้ใหญ่รีบให้สัญญาณพวกเรากลับเข้าฝั่ง แผนที่จะได้ไปชมการยกไซกุ้งต้องปรับออกไป ขากลับพี่คนขับเรือพาเราชมแนวเขตพื้นที่เขตปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เขตห้ามล่อล้อมกระทุ้งน้ำ

เครื่องมือประมงที่เห็นในแนวนี้คือไซที่ไว้ดักกุ้งมัน และกุ้งก้ามกราม นึกถึงเมนูต้มยำกุ้งของเมื่อวานก็ได้จากไซเหล่านี้แหละ 55

เผลอแปปเดียวก็เกือบ 2 ชั่วโมง ท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชุมชนประมงบ้านช่องฟืน รู้สึกว่าต้องกลับมาซ้ำเพราะยังไม่จุใจ แต่เชื่อเหลือเกินว่าด้วยศักยภาพพื้นที่ที่เป็นเฉพาะ ประสบการณ์จัดการบริหารจัดกลุ่มประมงมาอย่างยาวนานจะเป็นต้นทุนเพื่อต่อยอดการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านช่องฟืนต่อไป


(4)

ผลึกความคิด "แกงหม้อนี้ถ้าไม่อุ่นก็บูด"

เช้านี้ (2 กันยายน 2566) หลังจากกลับจากทริปชมทะเลหน้าบ้าน และกินข้าวเช้าแบบง่าย ๆ สไตล์ชาวบ้านที่นี่

เราเริ่มกระบวนการด้วยการให้ตัวแทนนำเสนอเนื้อหาการพูดคุยกับกลุ่มย่อยธรรมนูญในประเด็นหลักต่าง ๆ อาทิ ด้านทรัพยากร ด้านรองรับสังคมสูงวัย ด้านอาหารปลอดภัย เป็นต้น

ต่อจากนั้นก็เป็นกระบวนการให้แต่ละคนได้สะท้อนความคิดเห็น 3 ข้อ

1)การเรียนรู้เรื่องธรรมนูญ

2)จะกลับไปทำอะไรต่อ

3)ข้อเสนอแนะต่อบ้านช่องฟืน

สำหรับผมกระบวนการ 2 วัน 1 คืนในครั้งนี้ และการทบทวนกับตัวเองต่อกระบวนการธรรมนูญพื้นที่ก่อนหน้านี้ ความคิดต่อเรื่องนี้ก็ค่อย ๆ ตกผลึก

บางอย่างผมแลกเปลี่ยนไปในเวทีบางอย่างก็ปิ๊งแว๊ปต่อหลังการประชุมแล้ว

ก็เลยขอมาบันทึกเก็บไว้

-ธรรมนูญเป็นเครื่องมือหนึ่งในการสร้างกระบวนการเรียนรู้และมีส่วนร่วมของคนในชุมชนต่อเรื่องราวหรือประเด็นร่วมที่อยากแก้ปัญหาหรืออยากให้เกิดขึ้นในชุมชน ถ้า สช. ก็จะใช้คำว่าเป็นเครื่องมือในการพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วม

-ธรรมนูญเป็นเรื่องของชุมชน สังคม ไม่ได้เป็นเรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องชวนคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้น ๆ เข้ามามีส่วนร่วม

-ธรรมนูญต้องมีเวลา "บ่ม"  กระบวนการทำธรรมนูญไม่ใช่เพียงเป็นการประชุม หรือการทำเอกสารเพียงชุดใดชุดหนึ่ง แต่ต้องเป็นกระบวนการที่ต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดแล้วชักชวนผู้คนออกเดินทาง ลุกขึ้นมาลงมือทำ จึงต้องมีระยะเวลาในการบ่ม ทั้งการมีคณะก่อการดี  ทั้งกระบวนการบ่มความคิดในประเด็นนั้น ๆ ที่ต้องเป็นวาระร่วม  การมีวงคุยทั้งเป็นทางการไม่เป็นทางการ การค้นหาข้อตกลงที่เหมาะสม การใช้เวลาในการสร้างการมีส่วนร่วม ก่อนมีฉันตามติร่วมกัน

-ข้อตกลง ข้อชันชี ข้อกติกา  ควรเริ่มจากข้อตกลงสิ่งที่ทำได้ และเป็นสิ่งที่มีคนจะเป็นคนทำ ไม่ใช่เพียงคิดให้ใครคนใดคนหนึ่งทำเท่านั้น เริ่มจากน้อยไปหามาก จะช่วยสะสมกำลังใจ ช่วยสะสมความเชื่อความเป็นไปได้ต่อเครื่องมือนี้

-สุดท้ายแกงหม้อนี้ต้อง "อุ่น" ผลึกความคิดจากพี่สมยศ ฤทธิ์ธรรมนาท ผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดันชันชีนาทอน ที่ผมเมื่อฟังแล้วปิ๊งเลย  ธรรมนูญพื้นที่ต้องไปให้ถึงความเป็นเจ้าของ  ต้องมีคนที่รู้สึกเป็นเจ้าของและพูดถึง เน้นย้ำ เชื่อมโยง อธิบาย เมื่อใดที่คนในชุมชนไม่มีการพูดถึงธรรมนูญเลย ก็เปรียบเหมือนแกงหม้อที่ตั้งไว้เฉย ๆ หลายวันก็กลายเป็นแกงบูด กินไม่ได้ท้องเสีย ต้องทิ้งแกงหม้อนี้ไป ถ้าอยากให้แกงหม้อนี้กินได้ ยังหรอยอยู่ก็ต้องอุ่น

บันทึกความคิดนี้ไว้

(5)

ข้อเสนอต่อทีมบ้านช่องฟืนกับการต่อยอดพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน

จากมุมมองของนักท่องเที่ยวที่ได้สัมผัสความเป็นบ้านช่องฟืน แม้จะยังไม่เต็มรูปแบบ บางข้อได้แลกเปลี่ยนไปในที่ประชุม บางข้อเพิ่งมาปิ๊งตอนนั่งทบทวน

ประเด็นที่หนึ่ง สำหรับต้นทุนทรัพยากรธรรมชาติ วิถีชีวิตความเป็นช่องฟืนมีเอกลักษณ์และเสน่ห์ของการเป็นชุมชนประมงพื้นบ้านลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาอยู่แล้ว

ประเด็นที่สอง สำหรับการท่องเที่ยวโดยชุมชน ก็เป็นเครื่องมือ เป็นกระบวนการในการพัฒนาพื้นที่เฉกเช่นเดียวกับธรรมนูญพื้นที่ซึ่งต้องผสมผสานและให้ความสำคัญทั้งการมีส่วนร่วมและสร้างการเรียนรู้ให้กับทีมคณะทำงาน คนในชุมชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่จะต้องมีเป้าหมายร่วมกัน

ประเด็นที่สาม การท่องเที่ยวโดยชุมชนก็ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมองหาผู้คนที่มีหัวใจเดียวกัน ผู้คนที่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงตลาดสายการท่องเที่ยว ตั้งแต่คนนำเที่ยว ที่พัก คนทำอาหาร การเดินทาง ของฝากที่ระลึก  มามีส่วนร่วม

ประเด็นที่สี่ มุ่งเน้นการพัฒนายั่งยืน คือการต้องคำนึงถึงการกระจายรายได้ให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องและชุมชน การต้องคำนึงถึงการท่องเที่ยวที่จะต้องช่วยส่งเสริมความเป็นอัตลักษณ์ของบ้านเรา และเป็นการท่องเที่ยวที่นำไปสู่การส่งเสริมการรักษาฐานทรัพยากรธรรมชาติ

ประการที่ห้า การค้นหากลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการและเหมาะกับการท่องเที่ยวของเรา ว่าจะเป็นกลุ่มไหน วัยรุ่น ครอบครัว ผู้สูงอายุ เพื่อจะได้ออกแบบการท่องเที่ยวที่สอดคล้อง

ประการสุดท้าย ปัจจุบันกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยสมบูรณ์  ผู้สูงอายุที่จะเป็นนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น บ้านพัก สถานที่ต่าง ๆในชุมชนที่ต้องมีการทำกิจกรรม ควรคำนึงถึงความสะดวกปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ เช่น การมีห้องน้ำที่เหมาะสม ทางลาด ราวจับ เป็นต้น
จากมุมมองนักท่องเที่ยวที่คิดว่าต้องกลับมาเที่ยวบ้านช่องฟืนอีกครั้ง


Bonus track... "เบายอดม่วง" ที่บ้านช่องฟืน

ทีมสมัชชาสุขภาพตรังไปร่วมแลกเปลี่ยนเรื่องราวธรรมนูญพื้นที่ครั้งนี้ ก็ติดไม้ติดมือ "ข้าวเบายอดม่วง ข้าวแห่งความภาคภูมิใจ และข้าวคุณภาพจากจังหวัดตรังไปแนะนำและเชิญชวนมวลมิตรได้ลิ้มลองกัน

เตรียมไปทั้งแบบ 1 kg  แบบ 1/2 kg และแบบจมูกข้าว ได้รับการตอบรับดีมาก ๆ หลายคนมาเข้ามาซักถาม และซื้อกลับไปชิมกัน บ้างซื้อไปกินเอง บ้างซื้อไปฝากคนที่ห่วงใย บ้างซื้อไปฝากผู้มีปัญหาสุขภาพในการดูแล

รอบนี้เบายอดม่วงกระจายไปยังคนกินทั้งจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี พัทลุง กระบี่ สตูล สงขลา ปัตตานี

ขอบคุณทุกท่านที่อุดหนุนนะครับ

#รักใครให้ชวนกินข้าวกล้อง

#เบายอดม่วง


เชภาดร จันทร์หอม บันทึกเรื่องราว


การถอดบทเรียน "15 ปีธรรมนูญภาคใต้ จากชะแล้แลปัจจุบัน"

โดยนำตัวแทนพื้นที่ซึ่งดำเนินการจัดทำธรรมนูญสุขภาพในภาคใต้มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สรุปบทเรียนการดำเนินงาน และร่วมเรียนรู้การทำกติกาชุมชนในการรักษาฐานทรัพยากรของช่องฟืน ปากพะยูน การทำธรรมนูญสุขภาพหรือข้อตกลง หรือกติกาของชุมชน  มีแนวทางสำคัญของการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพภาคใต้ พอสรุปได้ดังนี้


"4 แนวทางขับเคลื่อนที่ได้ผลและเกิดการยอมรับ"

1.ต้องจริงจังกับการลงมือทำตามข้อตกลง กติกาที่เขียนไว้สำคัญเสมอ ลายลักษณ์อักษรที่เขียนไว้เป็นตัวหนังสือ ต้องปรับปรุงได้ให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

2.ควรเลือกนำเอามาตรการที่มีความเป็นไปได้มาเคลื่อนก่อน

3.ควรแปลงเป็นภาพอนาคตของชุมชน ออกมาเป็นคำขวัญ คำพูดที่เป็นภาพจำของคนในชุมชน เช่น ชันชีนาทอน สมรมความคิด สุขภาวะดีที่บ้านเรา ชุมชนน่าอยู่

4.พยายามเน้นการสร้างความร่วมมือ ชวนกลุ่มองค์กร หลายหน่วยงานมาร่วมดำเนินการจะมีความเจ้าของร่วมและยั่งยืนกว่าทำเพียงคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง รวมถึงการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานและเพื่อนเครือข่ายภายนอก  จะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นการเรียนรู้ การ


ปฏิบัติการตามข้อตกลง "5 คุณค่าสำคัญ"

1.เกิดการแก้ไขปัญหาของชุมชนด้วยพลังของคนในชุมชนเอง

2.เป็นกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของคนในชุมชน ได้หันหน้ามาคุยกัน หาทางออกร่วมกันในเรื่องที่อยากเป็น อยากเห็น

3.สุขภาพเป็นของทุกคน เริ่มต้นที่ตัวเราเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้อกับการมีสุขภาพดีของคนในชุมชน

4.มีกระบวนการทบทวนต่อเนื่องสม่ำเสมอ นายกสมยศเปรียบ “คล้ายแกงหม้อใหญ่ เมื่อทำเสร็จแล้ว จะต้องอุ่นแกงอยู่เสมอ”

5.บทบาทผู้นำสำคัญมากๆ ทั้งผู้นำทางการและผู้นำอื่นๆ เช่น ทางศาสนา ผู้มีอิทธิพลในชุมชน ต้องค้นหาและใช้ผู้ที่มีความสามารถนำพาชุมชนได้ มาร่วมกันเกาะติดขบวนไปด้วยกัน


"6 แนวทางการสร้างข้อตกลง" เพื่อนำมาใช้เป็นหมวดหมู่และออกแบบมาตรการในธรรมนูญสุขภาพ

1.หาประเด็นร่วม ค้นประเด็นกลางของชุมชนให้เจอ เพื่อสร้างความเป็นเจ้าของ สร้างพื้นที่กลางเล่นร่วมกัน

2.คิดค้นรูปแบบการพัฒนาใหม่ ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิต นำเอาความรู้สมัยใหม่มาปรับใช้

3.เริ่มต้นจากเรื่องง่ายๆ ทำได้จริง เห็นผลจริง แล้วค่อยขยายไปเรื่องใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับคนส่วนใหญ่

4.ทีมพี่เลี้ยงควรจัดให้มีกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้หนุนเสริมในระดับต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

5.พัฒนาทีมแกนนำ ต่อมือ เกี่ยวแขน จากรุ่นใหญ่ รุ่นใหม่ รุ่นกลาง รับไม้ส่งต่อกันเสมอ

6.สร้างและทำตำบลให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ทั้งของคนในตำบลและเพื่อนข้ามพื้นที่

Relate topics