การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อความมั่นคงทางอาหาร

  • photo  , 1000x503 pixel , 101,440 bytes.
  • photo  , 1477x1108 pixel , 193,335 bytes.
  • photo  , 1000x750 pixel , 92,762 bytes.
  • photo  , 1000x750 pixel , 115,844 bytes.
  • photo  , 1000x642 pixel , 84,875 bytes.
  • photo  , 1000x750 pixel , 97,570 bytes.

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เข้าร่วม ประชุมวิชาการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อความมั่นคงทางอาหาร ภายใต้โครงการพัฒนาและจัดการองค์ความรู้เพื่อรับมือผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อความมั่นคงทางอาหาร (CCFS) จัดโดย มูลนิธิเพื่อการพัฒนาสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP)  ณ โรงแรมเดอะ ควอเตอร์ลาดพร้าว บาย ยูเฮชจี โดยเชิญภาครัฐ ภาคประชาสังคม นักวิชาการ และองค์กรพันธมิตร ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น วางแนวทาง และค้นหาจุดคานงัดในการขับเคลื่อนนโยบายและแผนปฏิบัติการอย่างเป็นรูปธรรม

ผลจากการวิจัยพบว่า อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1 องศาจะเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านอาหารของครัวเรือนร้อยละ 0.3 หรือ 468/ครัวเรือน/ปี หรือ 9 พันล้านบาท/ปี สัดส่วนของรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ และนำมาสู่ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ข้อเสนอเชิงนโยบายที่สำคัญคือ

1)ปรับปรุงมาตรการที่ดำเนินการอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและขยายผลมาตรการ

2)ผลักดันมาตรการที่ win-win เพิ่มเติม และ 3) ผลักดันชุดมาตรการลดการเผ่าอย่างเป็นระบบ

อย่างไรก็ตาม การประชุมดังกล่าวยังมีการนำเสนอสถานการณ์ ข้อท้าทาย และจุดคานงัด ที่สำคัญ ดังนี้

1.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: การลดผลกระทบและการปรับตัวรับมือความท้าทายและจุดคานงัด โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม – กล่าวถึงสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อระบบเกษตรและอาหาร เช่น ฤดูกาลเพาะปลูกแปรปรวน ภัยแล้ง โรคระบาดในสัตว์ พร้อมนำเสนอแผนแม่บทระดับชาติและแนวทางปรับตัว

ความท้าทาย: ปัญหามีความซับซ้อนและเชื่อมโยงหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และกลุ่มเปราะบางที่ยากต่อการเข้าถึงโอกาส

จุดคานงัด: การผลักดันร่าง พ.ร.บ. Climate Change, การบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงาน และการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการคาดการณ์และติดตาม

2.เกษตรกรยุคใหม่: การรับมือ Climate Change ด้วยการทำเกษตรแบบ CSA โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร – ชี้ให้เห็นว่าแม้ภาคเกษตรจะเป็นทั้งผู้ก่อและผู้ได้รับผลกระทบจาก Climate Change แต่ก็สามารถปรับตัวได้ผ่านการทำเกษตรแบบ Climate-Smart Agriculture (CSA) เช่น การจัดการมูลสัตว์ ปรับวิธีใส่ปุ๋ย และลดการเผา เพื่อสร้างความยั่งยืนและรายได้ที่มั่นคง

ความท้าทาย: ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ผลผลิตลดลง และเกษตรกรบางกลุ่มยังไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง

จุดคานงัด: การส่งเสริมเกษตรแบบ CSA การสนับสนุนภาครัฐในการสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสม และมาตรการจูงใจผู้ผลิต-ผู้บริโภคให้หันมาเลือกสินค้าคาร์บอนต่ำ

3.การบริหารจัดการน้ำ: ทางรอดของภาคเกษตรและระบบนิเวศ โดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ – นำเสนอแผนบริหารจัดการน้ำใน 3 กลุ่มพื้นที่หลัก ได้แก่ พื้นที่ชลประทาน พื้นที่มีศักยภาพ และพื้นที่เกษตรน้ำฝน พร้อมแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำผ่านเทคโนโลยี

ความท้าทาย: ระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพจำกัด การสูญเสียน้ำสูง และการวางแผนเพาะปลูกที่ไม่สอดคล้องกับแหล่งน้ำ

จุดคานงัด: การมีส่วนร่วมของเกษตรกรในการวางแผน (Dual Process), การสนับสนุนเทคโนโลยีใช้น้ำน้อย และการเปลี่ยนแนวคิดว่าเกษตรกรคือ "ผู้ร่วมออกแบบนโยบาย"

ขอบคุณข้อมูลจากเพจ สช. สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ

Relate topics