สานพลังความร่วมมือ ผนึกกำลังภาคีเครือข่าย ปฏิวัติกลไกจังหวัด สู่การยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและชุมชนทั่วประเทศ

  • photo  , 1000x750 pixel , 126,846 bytes.
  • photo  , 1000x750 pixel , 142,902 bytes.
  • photo  , 1477x1109 pixel , 149,014 bytes.
  • photo  , 1000x750 pixel , 78,530 bytes.
  • photo  , 1000x750 pixel , 115,237 bytes.
  • photo  , 1477x1109 pixel , 144,879 bytes.
  • photo  , 1000x750 pixel , 113,747 bytes.

สานพลังความร่วมมือ ผนึกกำลังภาคีเครือข่าย ปฏิวัติกลไกจังหวัด สู่การยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและชุมชนทั่วประเทศ

สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.), สภาเกษตรกรแห่งชาติ, สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) และสภาองค์กร สร้างปรากฏการณ์ความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ ผนึกกำลังจัดเวที "Workshop กลไกการดำเนินงานจังหวัดนำร่อง" เพื่อวางรากฐานการพัฒนาที่ยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริงในระดับพื้นที่ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 50 ชีวิตจาก 5 จังหวัดนำร่อง ร่วมระดมสมองและแลกเปลี่ยนข้อเสนออย่างเข้มข้น ณ โรงแรมทาวน์ อิน ทาวน์ เขตวังทองหลาง

การประชุมครั้งนี้ได้รับเกียรติจากผู้นำองค์กรสำคัญ ได้แก่ นายณรงค์ ม่วงประเสริฐ เลขาธิการสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ, นายจารึก ไชยรักษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ, นายวิริยะ แต้มแก้ว ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) และคุณวิภาศศิ ช้างทอง ประธานที่ประชุมระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล

ซึ่งทั้งหมดได้ร่วมกันออกแบบแนวทางการทำงานเพื่อนำไปสู่การจัดตั้ง "ศูนย์ประสานงานกลไกจังหวัด" ที่จะขับเคลื่อนประเด็นและข้อเสนอเชิงนโยบายระดับจังหวัด โดยมีเป้าหมายนำร่องใน 5 จังหวัดศักยภาพสูง ได้แก่ พะเยา, จันทบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, สกลนคร และตรัง

เป้าหมาย 3 ด้านหลัก เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกรและชุมชน: โครงการนี้มุ่งเน้น 3 เป้าหมายหลักที่สำคัญยิ่งต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและชุมชนอย่างยั่งยืน ได้แก่:

1.สำรวจความต้องการของเกษตรกร และเครือข่ายในพื้นที่ ผลักดันการขับเคลื่อนแผนแม่บทฯ ไปสู่การปฏิบัติ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร และ สนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะใน 5 ด้าน (ด้านเกษตรกรรม,สุขภาพ,เศรษฐกิจ,สังคม และสิ่งแวดล้อม)


นายจารึก ไชยรักษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กล่าวถึงบทบาทของสำนักงานฯ ว่า สช. มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนกระบวนการสร้างนโยบายสาธารณะบนฐานการมีส่วนร่วมของประชาชน ผ่านเครื่องมือตามพรบ.สุขภาพแห่งชาติ  อาทิเช่น สมัชชาสุขภาพ ธรรมนูญสุขภาพ การประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ และสิทธและหน้าที่ด้านสุขภาพ เป็นต้น  โดยเฉพาะในพื้นที่นำร่องทั้ง 5 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านชุมชนและองค์กรท้องถิ่นเข้มแข็ง เรื่องสุขภาพไม่ใช่เป็นเรื่องเจ็บปวดอย่างเดียวแต่ทุกนโยบายมีการเชื่อมโยงที่เกี่ยวกับสุขภาพ โดยยึดหลักแนวทางของปัจจัยกำหนดสุขภาพ

“สช.จะร่วมสนับสนุนกระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วมในทุกระดับให้เกิด “พื้นที่กลาง” ตั้งแต่การรับฟังปัญหา ความต้องการ และข้อเสนอจากชุมชน เพื่อใช้พื้นที่กลางสำหรับการพูดคุยอย่างเท่าเทียม ไปจนถึงการผลักดันให้ข้อเสนอจากภาคประชาชนสามารถเข้าสู่กระบวนการจัดทำนโยบายของรัฐได้จริง” นายจารึกกล่าว

นอกจากนี้ สช. ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนา ระบบข้อมูลและฐานความรู้ในพื้นที่ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือวิเคราะห์สถานการณ์ และกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนเชิงนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะทำงานร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายในพื้นที่ ทั้งภาคราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรชุมชน และสภาเกษตรกร “การทำงานร่วมกันในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการบูรณาการพลังของทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิด ‘กลไกจังหวัด’ ที่มีชีวิต ไม่ใช่แค่โครงสร้าง แต่เป็นระบบที่มีความเคลื่อนไหว มีเป้าหมายร่วม และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง” นายจารึก ไชยรักษ์ กล่าวสรุป

โดยที่ประชุมสรุปแผนที่จะดำเนินการ ประกอบด้วย การผนึกพลังภาครัฐ ภาคประชาชน ประชาสังคม เข้ามามีส่วนร่วมในกลไกกลาง และในพื้นที่กลาง รวมถึงมีการกำหนดตัวชี้วัดร่วมเพื่อติดตามผลการขับเคลื่อนกันในทุกระยะ

ขอบคุณข้อมูลจากเพจ Healthstation สถานีกลางสุขภาวะ

Relate topics